วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ความรักคืออะไร... เรียนรู้ความรักจากความเสียใจ

เชื่อกันว่าคนเรานั้น ณ ช่วงชีวิตหนึ่ง ไม่มากก็น้อย ต้องมีซักครั้งที่ชะตาชีวิตได้ขีด ได้เขียน ให้เรารู้สึก รู้จัก..กับ "ความรัก" แต่คุณจะไม่มีวันเข้าใจว่าความรักคืออะไรถ้าคุณยังไม่เคยไม่สัมผัสกับการสูญเสียความรักไป เพราะในช่วงเวลาที่ความรักได้เดินจากคุณไป คุณจะได้เรียนรู้ สิ่งต่างๆ มากมาย

 

  • คุณสามารถร้องไห้ได้เสมอ... เพียงแค่คุณนึกถึงเขา
  • คุณสามารถทำสิ่งต่างๆ มากมาย ที่ใครต่อใครบอกว่ามันเป็นสิ่งที่ไร้สาระ
  • คุณสามารถทำตัวไร้เหตุผลเหมือนเป็นเด็กๆ ยืนอยู่ในสิ่งที่ผิดมากกว่าถูก ด้วยเหตุผลเพียงเพื่อทำเพื่อใครซักคนที่คุณเรียกว่า "รัก"
และในหลายๆ ครั้งในห่วงแห่งความคิดของคุณ คุณเลือกที่จะเป็นตัวร้าย คุณเลือกที่จะทำร้ายกับคนที่คุณบอกว่า "รัก" และตัดสินใจทำในสิ่งที่ผิด มากกว่าถูกเพียงเพื่อหาที่ยืนในหัวใจของเขา

แต่ไม่ว่าความรักคืออะไรในหัวใจของคุณ ไม่ว่าคุณจะสูญเสียความรัก หรือ ได้รับรักที่เอิบอิ่มจนเติมเเต็มหัวใจ... ทุกๆ ครั้งไป..ที่คุณได้เรียนรู้ และได้รู้จัก กับความรัก คุณจะเติบโต..และได้รับมุมมองชีวิตที่กว้างกว่าเดิม

และคุณจะเริ่มเข้าใจความหมายของความรัก ว่าความรักคืออะไร... ในแบบที่หัวใจของคุณเป็น
เราขอให้ผู้หญิงทุกคนเจอความหมายของความรัก และ พบความรักในแบบที่ตัวเองตามหา

ที่มา : http://www.n3k.in.th/

"หลักข้อคิดในการทำงาน" ข้อคิดดี ๆ ในการใช้ชีวิตกับงาน

ข้อคิดในการทำงาน : ไม่ว่าเราจะทำงานอะไรก็แล้วแต่ การที่เราจะประสบ ความสำเร็จในหน้าที่การงาน นอกจากจะมีความสามารถอย่างแท้จริงแล้วยังต้องประกอบด้วย มุมมองความคิดที่ดีพอ เพราะในการทำงานเราต้องเจอกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะร้ายหรือดี ถ้าตัวเราไม่มีทัษณะคติที่ดี ก็เป็นการยากที่เราจะเดินผ่านมันไปได้

ข้อคิดในการทำงาน

1. จงอย่ากังวล

การที่เรามีความกังวลใจในการทำงานนั้นย่อมเป็นการลดคุณภาพของการทำงานและการคิดค้นสิ่งต่าง ๆ รอบตัวอย่างแน่นอน

2. อย่าปล่อยให้ความกลัวครอบครองชีวิตคุณ

อย่าปล่อยให้ความกลัว มาทำให้ความกล้าที่จะคิดและแสดงออกในการทำงาน ปิดกั้นความคิดดี ๆ ของคุณ

3. อย่าปล่อยให้ความโกรธเปลี่ยนตัวตนของคุณ

ขณะที่คุณกำลังโกรธ เสมือนคุณกำลังปิดตาตัวเองแล้วเดินไปข้างหน้า คุณอาจจะไม่รู้ว่าคุณกำลังทำอะไร แต่คนรอบข้างคุณทุกคนก็เห็นมัน

4. อย่าเก็บปัญหาไว้ที่บ้านของคุณ

แม้คุณจะทำงานหนัก และมุ่งมั่นเท่าไร แต่การเอาความเครียจจากงานกลับมาคิดที่บ้าน ย่อมทำร้ายตัวคุณ และ คุณภาพงานที่ได้ก็จะแย่ลง

5. ปัญหาที่เจอ คือ ข้อสอบของชีวิต

ไม่ว่าคุณจะทำงานอะไรปัญหาและอุปสักย่อมมีด้วยกันทั้งนั้น วันและเวลาที่ผ่านไปจะเปลี่ยนคุณให้เป็นคนเก่งและเข้มแข็งขึ้น

6. อย่าแบกชีวิตของคนอื่นไว้บนบ่าของตัวเอง

คุณสามารถช่วยใครก็ได้เพราะนั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่จงอย่าเอาปัญหาและความทุกข์ของเขามาไว้บนบ่าของตัวเอง ไม่มีใครช่วยใครแก้ปัญหาได้นอกจากตัวเขาเอง

7. เริ่มต้นเป็นผู้รับ และ ผู้ให้ที่ดี

ในการทำงานนั้นเราไม่ใช่แค่ไปทำงานแต่เพียงอย่างเดียว แต่เรายังต้องไปทำความรู้จักกับสังคม การเป็นผู้ให้ และ ผู้รับที่ดีจะทำให้ใคร ๆ รักและเคารพเราเสมอ

ข้อคิดดี ๆ ในการใช้ชีวิต กับมุมมองความรักอันหลากหลาย

15 ข้อคิดดีๆ ในการใช้ชีวิต

      ไม่ว่าจะเมื่อไรก็แล้วแต่ในช่วงจังหวะของชีวิตคนเราย่อมมีโกรธบ้าง โมโหบ้าง มันย่อมเป็นเรื่องปกติ แต่การที่เรามีข้อคิดๆ ในการใช้ชีวิตอยู่บ้างละก็ บางครั้งก็สามารถช่วยให้เราได้มองเห็นสิ่งที่แตกต่าง และการให้อภัยและไม่ได้มองข้ามตัวตนที่แท้จริงของตัวเองในเวลาปกติได้ เชื่อว่าข้อคิดดีๆ ในการใช้ชีวิตเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อใคร ๆ หลาย ๆ คนนะค่ะ


ข้อคิดดี ๆ ในการใช้ชีวิต
  1. ไม่ว่าคุณจะร่ำรวย หรือ ยากจน คุณก็ต้องการคนที่พูดดีกับคุณ ดังนั้นไม่ว่าเขาจะยากจน หรือ ร่ำรวยก็ต้องการการพูดที่ดีเช่นเดียวกัน
  2. การจะขึ้นที่สูงให้ได้เหนื่อยน้อยที่สุด คือ การเดินขึ้นไปกับปัจจุบันโดยไม่นึกถึงยอดเขา
  3. การให้อภัยย่อมดีกว่าการจองเวณเสมอ
  4. ไปถึงก่อนเวลา 15 นาที ดีกว่าไปสาย 15 นาทีแน่นอน
  5. ผู้หญิงสวยและหนุ่มหล่อไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นคนดี คนหน้าตาซื่อ ๆ อาจจะไม่ใช่คนที่ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม จงใช้เวลาบวกกับความรู้สึกพิจารณาคน มากกว่าการใช้อารมณ์และความรู้สึก
  6. ไม่จำเป็นเสมอไปที่ลูกชิ้นหนึ่งไม้จะกินได้คนเดียว คนที่มีน้ำใจย่อมรู้จักให้มากกว่ารับ
  7. เสื้อผ้าที่สวมใส่ไม่ได้บอกว่าคุณเป็นคนดี มันบอกได้แค่ว่าคุณแต่งตัวดีเท่านั้น
  8. แก้วน้ำที่เต็มไม่อาจรับน้ำเพิ่มได้ คนที่ไม่รู้จักเปิดใจก็ไม่อาจเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้เช่นเดียวกัน
  9. แม้คนที่คิดการใหญ่จะต้องมองไกล แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องละเลยสิ่งที่คุณเคยเป็นและตัวตนของคุณ
  10. แม้นกจะบินสูงและมองได้กว้างไกล ก็ไม่ได้แปลว่าเมื่อมองใกล้แล้วจะดีกว่าสัตว์ใด
  11. เรื่องเศร้าในวันนี้ จะเป็นพลังและกำลังให้กับเราในวันที่เราสามารถเดินผ่านมัน
  12. ความรู้ไม่ใช่หินต้องแบกหามมีเยอะเท่าไรยิ่งดี
  13. ความทุกข์ไม่ได้อยู่กับเราตลอดชีวิต จะมีชีวิตเพื่อแบกทุกข์ไปเพื่ออะไร
  14. น้ำตามีไว้สำหรับคนที่อ่อนแอเท่านั้น
  15. มันไม่สำคัญว่าเราจะทำสำเร็จหรือไม่ แต่มันอยู่ที่ว่าเราได้ทำเต็มที่แล้วหรือยัง

ที่มา : http://www.n3k.in.th/

ข้อคิดดี ๆ ในการใช้ชีวิต กับมุมมองความรักอันหลากหลาย

ข้อคิดดี ๆ ที่จะนำชีวิตไปสู่ความสำเร็จ

คนเราทุกคนก็หวังที่จะประสบความสำเร็จด้วยกันทั้งนั้น แต่เส้นทางที่จะประสบความสำเร็จนั้นก็แตกต่างกันไปตามแนวทางและแนวความคิดของแต่ละบุคคล และเชื่อว่าคนที่ประสบความสำเร็จทุก ๆ คนจะต้องมีข้อคิดอะไรบางอย่างที่เป็นตัวกระตุ้นเตือนใจอย่างแน่นอน
 

ความมหัศจรรย์หลายอย่างที่เกิดขึ้นในโลกนี้...
เริ่มต้นมาจากฝันกลางวันของคนบางคนนี้แหละ...

หนังสือดีเพียงเล่มเดียว....
สามารถเปลียนชีวิตคนได้....

ความคิดดีๆ...เพียงความคิดเดียว...
สามารถสร้างแรงบันดาลใจ
ให้เด็กวัด..กำพร้า...อดอยากยากจนขนาดต้องแย่งหมากิน...
ทะยานสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้....

เรา...ไม่สามารถรู้ได้ว่า...เราจะบินได้สูงแค่ไหน...
จนกว่าเราจะ...กางปีก...แล้วบิน...

ตราบใดที่คุณยังไม่ลงมือทำ...
อย่าเชื่อว่าคุณทำไม่ได้...

จากประวัติของคนที่ประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ทุกคน...
มีหัวใจของความสำเร็จเหมือนกัน 2 ประการคือ....

เขา...ชนะใจตนเอง....
เขา...ให้ความสำคัญเรื่องวินัย...เป็นอันดับหนึ่ง....

คนที่ประสบผลสำเร็จ....
ไม่ใช่อยู่ที่แรงถึง....
แต่อยู่ที่...มีความตั้งใจแน่วแน่...ไม่เปลียนแปลง

ผู้ที่ประสบความสำเร็จ
ไม่ใช่เก่ง...
แต่ต้องอึดด้วย

ชัยชนะ..เป็นของคนที่....อึดที่สุด...

ความสำเร็จ...เกิดจาก...
อัจฉริยะ1 ส่วน
ที่เหลือ 9 ส่วน...เกิดจาก....
หยาดเหงื่อ...แรงงาน...และน้ำตาล้วนๆ...

ความยากลำบาก...เป็นมหาลัยชั้นสูง...
ในการฝึก...ยอดคน

ความสำเร็จ...เกิดจากความยากลำบาก...
ไม่มีความสำเร็จใด..ตกมาจากฟากฟ้า...

ไม่มีชัยชนะใด...ได้มาโดยไม่ต้องต่อสู้...
ไม่มีความสำเร็จใด...ได้มา...โดยไม่ต้องลงแรง

ความสำเร็จ...เกิดจาก..การลงมือทำ...
ไม่ใช่แรงอธิษฐาน...

ความสำเร็จ...มันอยู่ไกล..เกินไปถึง....
กับคนซึ่ง...นั่งหงอย...และคอยหา...
ความสำเร็จ...จะมาอยู่...แค่ปลายตา...
กับคนที่...คิดว่า...ต้อพยายาม...

เกิดในที่...ที่ดี...นั้นดีแน่...
เกิดในที่...ที่แย่...ก็ดีได้...
เกิดที่ดี...แล้วแย่...มีถมไป....
เกิดที่ไหน...ก็ดีได้...ถ้าใฝ่ดี...

ผลลัพธ์แห่ง..ความสำเร็จ....
ยิ่งใหญ่เกินกว่า...ที่ตามองเห็น....

คนที่จะประสบความสำเร็จ....
ต้องมีเป้าหมายในชีวิต...

ผู้ที่ปฎิเสธ...ไม่ทำตามความฝัน....
จะไม่มีทางประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้...

อดีต...ไม่สำคัญ...ว่าเราเคยเป็นใคร...
แต่สิ่งสำคัญ..มันอยู่ที่ว่า...
วันนี้...เราจะเป็นใคร...?
และวันพรุ่งนี้..เราต้องการความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่แค่ไหน....

คนที่ชอบทำงานง่ายๆๆ...
จะเป็นได้แค่ลูกจ๊อกเขา...ตลอดชีวิต...

ผลงานล้ำค่า...ที่อุบัติขึ้นในโลกนี้...
ล้วนเกิดจากมือ...ของคนที่ชอบทำงานหนัก...

คนที่ประสบความสำเร็จ...
ไม่ใช่แค่เป็นนักฝัน...
แต่เขาเริ่มด้วยการ...ลงมือทำ...

เอาแต่พูด...เอาแต่ท่องทฤษฎี..ไม่ลงมือปฏิบัติ...
ไม่มีทาง...ประสบความสำเร็จ

ความสำเร็จเริ่มต้นเมื่อ...
คุณเชื่อว่า...คุณทำได้...

จุดอ่อนของคนที่...ไม่ประสบความสำเร็จคือ...
การยอมแพ้...

คนที่ประสบความสำเร็จ
พยายามอีกครั้ง...เสมอ...

ความรับผิดชอบ...ทำให้...งานออกมาดี...
ความรัก...ทำให้...งานออกมา...สวย...
เป้าหมาย..ทำให้...สำเร็จ...โดยไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย...

สาเหตุที่ทำให้คุณเห็นว่า...
อุปสรรค..เป็นเรื่องน่ากลัว...
เพราะ...คุณละสายตา...จากเป้าหมาย...

วันเสาร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2555

วันศุกร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2555

สิ่งดีๆจากการ พอเพียง

ความจำแย่แก้ได้ด้วย 4 วิธี


วิธีแรก โฟกัสสาย ตา โดยนั่งจ้องวัตถุ หรือ เหตุการณ์ตรงหน้า จดจำรายละเอียดให้มากที่สุด นานประมาณ 3 นาที จากนั้น ละสายตา แล้ววาดสิ่งที่เห็นบนกระดาษ เมื่อเสร็จตรวจดูว่ามีสิ่งใดตกหล่นไปหรือไม่ ฝึกสม่ำเสมอจะช่วยพัฒนาความจำระยะสั้น บริหารสมอง และเสริมประสิทธิภาพความจำด้านสายตา

วิธีต่อมา รับ ประทานอาหารอุดมวิตามินซี, อี และเบต้าแคโรทีน โดยเฉพาะส้ม องุ่น เบอร์รี ผักสีเขียว ช่วยปกป้องเนื้อเยื่อสมองจากอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุให้เซลล์สมองเสื่อม ทั้งนี้ ผลวิจัยในต่างประเทศพบว่า ผู้บริโภควิตามินซีสูง มีผลการทดสอบด้านสมาธิ ความจำ และการคำนวณดีที่สุด

ตามด้วย การทำ กิจกรรมท้าทายความคิด เมื่ออายุเริ่มเข้าเลขสาม สมองจะเริ่มทำงานช้าลง ดังนั้น ควรหางานอดิเรกยามว่างที่สนุกสนานทำ เช่น เต้นแทงโก้ เรียนภาษาใหม่ ต่อจิ๊กซอว์ เกมส์ปริศนาอักษรไขว้ เล่นปิงปอง เป็นต้น ช่วยพัฒนากระบวนการเรียนรู้ของสมอง และความจำได้ดี

สุดท้าย นอนให้ เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 7-8 ชั่วโมง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง เซลล์ประสาทจะสื่อสารกันได้มากขึ้น ส่งผลต่อการเรียนรู้ และความจำ

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

วิธีทําให้ผิวขาว

วิธีทําให้ผิวขาว 12 วิธี... บอกลาผิวหม่นหมอง


ในหมู่คนรักสวยรักงาม เป็นที่ทราบกันแบบอวดอ้างกล่าวขานต่อๆ กันมาว่า "กลูต้าไธโอน" เป็นสารที่ทำให้ผิวขาวผ่องและเป็นที่นิยมกันมาก แม้สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทยจะออกมาเตือนผู้บริโภค ว่าไม่ควรหลงเชื่อโฆษณาที่อ้างว่าสามารถช่วยให้ผิวขาวขึ้น เพราะไม่มีผลิตภัณฑ์ใดที่จะทำให้ผิวขาวขึ้นได้อย่างถาวร ผลิตภัณฑ์หรือยาอาจช่วยให้ผิวขาวได้ชั่วคราว แต่เมื่อหมดฤทธิ์ร่างกายก็ผลิตเม็ดสีตามปกติ


1. การขัดผิว เป็น วิธีทําให้ผิวขาว ที่ขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไปจากผิว โดยการใช้สครับที่มีขายตามท้องตลาด หรือจะเป็นสครับจากธรรมชาติง่าย ๆ แต่ได้ผล ซึ่งมีหลากหลายสูตรให้เลือก ได้แก่ มะละกอ นมสด มะขามเปียก น้ำผึ้ง โยเกิร์ต มะนาว โดยนำอย่างใดอย่างหนึ่งมาผสมกับเกลือทะเลเพื่อให้มีเม็ดสำหรับขัดผิว เพียงเท่านี้คุณก็มีสครับขัดผิวได้ง่าย ๆ แล้ว หรือจะใช้ใยบวบในการช่วยขัดผิวก็ได้ การขัดผิวนี้จะช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดลอกออกไป แล้วเผยผิวใหม่ที่แน่นอนว่าต้องสว่างใสกว่าเดิม และควรทำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อการปรนนิบัติและดูแลผิวอย่างต่อเนื่อง

2. เอเอชเอ หรือกรดผลไม้ มีขายทั่วไปตามคลินิกเสริมความงามหรือร้านขายยาทั่วไป ใช้สำหรับทาบนใบหน้าสัปดาห์ละ 2 ครั้งเพื่อกระตุ้นให้เซลล์ผิวเก่าหลุดลอกออกมา เป็น วิธีทําให้ผิวขาว เผยผิวใหม่ที่ขาวผ่อง แต่การใช้เอเอชเอนี้ ต้องดูแลและระวังเรื่องการออกแดด เพราะผิวคุณจะบางลงและไวต่อแดดมากกว่าเดิม

3. น้ำนมเพื่อผิวขาว ไม่จำเป็นต้องลงไปแช่ในอ่างที่มีน้ำนมอยู่เต็มอ่าง แต่คุณสามารถทำตาม วิธีทําให้ผิวขาว ได้ง่าย ๆ ด้วยการใช้น้ำนมทาบนผิวโดยตรง อาจใช้ใยบวบช่วยเพื่อขัดผิวไปด้วยเบา ๆ ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที ทำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ผิวจะค่อย ๆ ขาวขึ้น

4. ผลไม้รสเปรี้ยว ช่วยในการขัดขี้ไคล เป็น วิธีทําให้ผิวขาว ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยใช้ผลไม้รสเปรี้ยว เช่น มะนาว สับปะรด มะขามเปียก ส้ม เพราะมีความเป็นกรด ช่วยทำความสะอาดผิวให้ขาวใส และกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดลอกออกมาได้ แต่หากคุณเป็นคนผิวบาง ไม่ควรใช้มะนาวหรือสับปะรดที่มีความเป็นกรดสูง ควรใช้ส้มเช้งที่มีคุณสมบัติคล้าย ๆ กันก็ได้

5. ครีมบำรุงเพื่อผิวขาว ควรใช้ครีมบำรุงที่มีไวท์เทนนิ่งเพื่อผิวขาวในตอนเย็น และทาซ้ำก่อนนอนเพื่อเสริมประสิทธิภาพของครีมบำรุงให้บำรุงอย่างต่อเนื่อง ส่วนตอนกลางวันให้ทาไวท์เทนนิ่งเพียงบาง ๆ แล้วตามด้วยครีมกันแดด หรือจะใช้ไวท์เทนนิ่งที่มีส่วนผสมของสารป้องกันแสงแดดก็ได้ แต่หากสาว ๆ คนไหน อยู่ติดบ้าน ไม่ได้ออกไปเผชิญแสงแดดเลย ใช้ไวท์เทนนิ่งตัวเดียว ทาวันละ 2-3 ครั้งก็เอาอยู่แล้วจ้า

6. ครีมกันแดด ควรเป็นสิ่งที่สาว ๆ ต้องมีติดกระเป๋าอยู่ตลอดเวลา ในกรณีที่คุณต้องเผชิญกับแสงแดดจัดโดยไม่ได้วางแผนมาก่อนจะได้หยิบขึ้นมาใช้ได้ทันการทันเวลา และอย่าลืมว่า ครีมกันแดดจำเป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากคุณเพิ่งขัดผิวหรือใช้เอเอชเอกับผิวมาหมาด ๆ เพราะผิวคุณจะไวต่อแดดมาก จึงควรทาครีมกันแดด 20 นาทีก่อนออกแดดทุกครั้ง และทาซ้ำอีกทุก ๆ 2-3 ชั่วโมง

7. ทานอาหารให้เหมาะสม โดยให้มีผักและผลไม้ในอัตราส่วนครึ่งต่อครึ่งทุกมื้อ เพราะผักผลไม้เป็นอาหารที่ย่อยง่าย ช่วยเรื่องของการขับถ่าย และยังมีแอนตี้อ็อกซิแดนซ์ที่ทำให้ผิวสวยกระชับอีกด้วย ซึ่งเมื่อร่างกายขับถ่ายตามปกติแล้ว หน้าตาผิวพรรณก็จะสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

8. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพราะการออกกำลังกายจะช่วยขับเหงื่อไคล และสิ่งสกปรกใต้ผิวรวมถึงสารพิษออกมา ซึ่งจะทำให้ผิวดูสว่างสดใสขึ้น ยิ่งออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง ก็ยิ่งทำให้ผิวสดใสอยู่ตลอดเวลา แถมการออกกำลังกายยังช่วยลดการอุดตันของสิ่งสกปรกใต้ผิว ทำให้ไม่มีสิวอีกด้วย

9. วิตามินซีเพื่อผิวสวย วิตามินซีมีสรรพคุณช่วยให้ผิวสวยสดใส ดังนั้นจึงเป็นสารอาหารที่ร่างกายควรได้รับอยู่เสมอ ไม่ว่าจะจากการทานผักผลไม้ เช่น ส้ม ฝรั่ง มะนาว หรือหากได้รับในแต่ละวันไม่เพียงพอ ก็อาจจะทานวิตามินแบบเม็ดที่ขายในร้านขายยาก็ได้ วิธีทําให้ผิวขาว นี้จะช่วยในเรื่องผิวและมีส่วนช่วยในเรื่องการขับถ่ายไปพร้อม ๆ กัน

10. การอบไอน้ำผิวหน้า เป็นการทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่อุดตันอยู่ในรูขุมขนอย่างลึกซึ้ง ช่วยทั้งเรื่องของผิวสะอาดสว่างใส เป็นทั้ง วิธีทําให้ผิวขาว และช่วยขจัดสิวไปพร้อม ๆ กัน โดยวิธีอบไอน้ำผิวหน้านั้นก็ทำได้ง่าย ๆ เพียงตั้งกะทะต้มน้ำจนเดือด จากนั้นน้ำกะทะมาวางบนโต๊ะแล้วยื่นหน้าให้อยู่เหนือไอน้ำ ความร้อนจะช่วยเปิดรูขุมขน และไอน้ำจะเข้าไปทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่อุดตันรูขุมขนค่ะ

11. เมคอัพช่วยได้ ใช้ครีมรองพื้นและแป้งที่สว่างกว่าผิวจริง 1 ระดับสี และหลังจากแต่งหน้าแล้วให้นำพู่กันแตะแป้งกลิตเตอร์ประกายมุกปัดบริเวณหน้าผากและโหนกแก้ม ก็จะช่วยให้หน้าดูสว่างใสขึ้นได้เยอะเลยทีเดียว

12. สารพัดสูตรพอกหน้า นอกจากการขัดผิวแล้ว สาว ๆ ที่อยากมีผิวขาวสุขภาพดีควรพอกหน้า รวมถึงผิวกายให้ได้สัปดาห์ละ 2 ครั้ง โดยสูตรผิวขาวที่สามารถทำเองได้จากวัตถุดิบในบ้านนั้นก็มีมากมาย ที่สำคัญยังเห็นผลชัดอีกด้วยหากทำอย่างต่อเนื่อง และสูตร วิธีทําให้ผิวขาว ที่หยิบยกมาฝากกัน มีดังนี้

วิธีทําให้ผิวขาว : สูตรมะละกอนมสด นำมะละกอมาบดผสมกับนมสด คนให้เข้ากัน จากนั้นนำไปพอกบนใบหน้าหรือผิวกายทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วล้างออก

วิธีทําให้ผิวขาว : โยเกิร์ตผสมมะนาว มะนาวเป็นผลไม้อีกชนิดหนึ่งที่มีความเป็นกรดสูงมาก จนอาจทำให้แสบผิวได้ ดังนั้นการนำมะนาวมาผสมโยเกิร์ตแล้วนำไปทาผิวทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จะช่วยลดการระคายเคืองผิว และมะนาวจะช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่า เผยผิวใหม่ที่ใสกว่าเดิม

วิธีทําให้ผิวขาว : น้ำมันมะพร้าวเพื่อผิวเนียนนุ่ม เป็นสูตรโบราณที่ใช้ได้ผลมาก น้ำมันมะพร้าวจะช่วยในเรื่องการทำให้ผิวเนียนนุ่มชุ่มชื้น แม้เพียงครั้งแรกที่ได้นำน้ำมันมะพร้าวมาทาผิว รับรองได้เลยว่า สาว ๆ จะรู้สึกถึงความเนียนนุ่มได้ทันทีเลยล่ะ

วิธีทําให้ผิวขาว : น้ำผึ้งและโยเกิร์ต นำส่วนผสมดังกล่าวพอกลงบนใบหน้าหรือผิวกายประมาณ 30 นาทีก่อนล้างออก ช่วยให้ผิวขาวและนุ่มขึ้นได้ สามารถทำได้วันเว้นวันค่ะ

วิธีทําให้ผิวขาว : กล้วยหอมและนมสด นำมาบดผสมกัน จากนั้นนำไปพอกผิวในบริเวณที่ต้องการ จะทำให้ผิวขาวเนียนสวยได้ สามารถทำได้วันเว้นวันเช่นกัน

วันพฤหัสบดีที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2555

10 วิธีการกินอาหารเพื่อสุขภาพที่ดี


ในแต่ละวันเราจำเป็นต้องรับประทานอาหารมากมาย มีคำแนะนำจากหลายสำนักให้กินนั่น ห้ามกินนี่จนไม่รู้จะเชื่อใครดี วันนี้เราจึงมีเคล็ดลับง่ายๆ ของการกินให้ได้ประโยชน์สูงสุดต่อสุขภาพอย่างเต็มที่มาฝาก

1. กินอาหารเช้า เป็นพฤติกรรมพื้นฐานที่ส่งผลต่อจิตใจ และพลังชีวิตของคุณไปตลอดทั้งวัน และช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ ช่วยเผาผลาญพลังงานให้ดีขึ้น ทำให้คุณกินอาหารในมื้ออื่นๆ น้อยลง

2. เปลี่ยนน้ำมันที่ใช้ปรุงอาหาร ยอมจ่ายแพงสักนิดใช้น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันดอกทานตะวัน ปรุงอาหารแทนน้ำมันแบบเดิมที่เคยใช้ เพราะเป็นไขมันที่ไม่เป็นโทษต่อร่างกาย และมีกรดไขมันอิ่มตัวที่เป็นประโยชน์ ช่วยลดไขมันในเส้นเลือดได้เป็นอย่างดี

3. ดื่มน้ำให้มากขึ้น คนเราควรดื่มน้ำวันละ 2 ลิตรเป็นอย่างน้อย (ยกเว้นในรายที่ไตทำงานผิดปกติ) เพื่อหล่อเลี้ยงเซลล์ในร่างกาย ฟื้นฟูระบบขับถ่าย รักษาระดับความเข้มข้นของเลือด จะทำให้สดชื่นตลอดวันเลยทีเดียว

4. เสริมสร้างแคลเซียมให้กับกระดูก ด้วยการดื่มนม กินปลาตัวเล็กทั้งตัวทั้งก้าง เต้าหู้ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ผักใบเขียว เพราะแคลเซียมเป็นสิ่งจำเป็นที่จะเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อและกระดูก ทำให้ระบบประสาททำงานได้เต็มประสิทธิภาพ

5. บอกลาขนมและของกินจุบจิบ ตัดของโปรดประเภทโดนัท คุกกี้ เค้กหน้าครีมหนานุ่ม ออกจากชีวิตบ้าง แล้วหันมากินผลไม้เป็นของว่างแทน วิตามิน และกากใยในผลไม้ มีประโยชน์กว่าไขมัน และน้ำตาลจากขนมหวานเป็นไหนๆ

6. สร้างความคุ้นเคยกับการกินธัญพืชและข้าวกล้อง เมล็ดทานตะวัน ข้าวฟ่างและลูกเดือย รวมทั้งข้าวกล้องที่เคยคิดว่าเป็นอาหารนก ได้มีการศึกษาและค้นคว้าแล้ว พบว่า ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจถึง 1 ใน 3 เลยทีเดียว เพราะอุดมไปด้วยไฟเบอร์ ที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และควบคุมน้ำตาลในเลือดให้สมดุล

7. จัดน้ำชาให้ตัวเอง ทั้งชาดำ ชาเขียว ชาอู่ล่ง หรือเอิร์ลเกรย์ ล้วนแล้วแต่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ การดื่มชาวันละ 1 ถึง 3 แก้ว ช่วยลดอัตราเสี่ยงมะเร็งกระเพาะอาหารถึง 30%

8. กินให้ครบทุกสิ่งที่ธรรมชาติมี คุณต้องพยายามรับประทานผักผลไม้ต่างๆ ให้หลากสี เป็นต้นว่า สีแดงมะเขือเทศ สีม่วงองุ่น สีเขียวบล็อกเคอรี สีส้มแครอท อย่ายึดติดอยู่กับการกินอะไรเพียงอย่างเดียว เพราะพืชต่างสีกัน มีสารอาหารต่างชนิดกัน แถมยังเป็นการเพิ่มสีสันการกินให้กับคุณด้วย

9. เปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนรักปลา การกินปลาอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง ได้ทั้งความฉลาดและแข็งแรง เพราะปลามีกรดไขมันโอเมก้า 3 และโปรตีน ที่ช่วยควบคุมการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติ และบำรุงเซลล์สมอง ทั้งยังมีไขมันน้อย อร่อย ย่อยง่าย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการหุ่นเพรียวลมเป็นที่สุด

10. กินถั่วให้เป็นนิสัย ทำให้ถั่วเป็นส่วนหนึ่งของอาหารที่คุณต้องกินทุกวัน วันละสัก 2 ช้อน ไม่ว่าจะเป็นของหวานของคาว หรือว่าของว่างก็ทั้งโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุสำคัญๆ หลายชนิด ต่างพากันไปชุมนุมอยู่ในถั่วเหล่านี้ ควรกินถั่วอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่ควรกินครั้งละมากๆ เพราะมีแคลอรี่สูง อาจทำให้อ้วนได้

ถ้าปฏิบัติให้ได้ครบทุกข้อตามคำแนะนำข้างต้นนี้จนเป็นนิสัย สุขภาพดีๆ จะไปไหนเสีย !!



ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์ 7 กรกฎาคม 2551 11:11 น. http://www.manager.co.th/MetroLife/ViewNews.aspx?NewsID=9510000079603